วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2551

พยัญชนะและสระ

เมื่อทราบประวัติคร่าวๆของภาษาเกาหลีแล้ว เราก็จะเริ่มเรียนกันเลยนะคะ..
พยัญชนะและสระ
(자음과 모음)


ในสมัยก่อนนั้นชาวเกาหลีไม่มีอักษรที่เป็นของตัวเอง จึงยืมอักษรของจีนมาใช้เป็นเวลานานหลายร้อยปี จนถึงรัชสมัยของกษัตริย์เซจง รัชกาลที่ 4 แห่งราชวงศ์โชซอนทรงประดิฐ์อักษรเกาหลีที่เรียกว่า ฮันกึล ในปี ค.ศ. 1443 ภาษาเกาหลีเป็นภาษาที่อยู่ในตระกูลอูรัล อัลเตอิก เป็นภาษาคำติดต่อ คือ มีการเปลี่ยนแปลงรูปคำ โดยมีการเติมหน่วยคำเพื่อบอกกาล มาลา วาจก และความสุภาพ คำแต่ละคำเป็นคำที่ยังไม่สมบูรณ์ในตัวเองเมื่อจะนำไปใช้ในประโยคจะต้องมีการเปลี่ยนแปลลงรูปคำโดยใช้คำช่วยต่างๆมาประกอบ จึงจะกลายเป็นประโยคที่สมบูรณ์ ภาษาเกาหลีเป็นภาษาที่ไม่มีวรรณยุกต์ ภาษาเกาหลีมีความคล้ายคลึงกับภาษาญี่ปุ่น และมีการนำอักษรจีนมาใช้ร่วมด้วย โดยตัวจีนเหล่านั้นจะออกเสียงเป็นภาษาเกาหลี แต่ความหมายยังคงเดิม
วิธีการเขียนอักษรเกาหลีนั้น จะลากเส้นจากบนลงล่าง และลากจากซ้ายไปขวา
อักษรเกาหลีในปัจจุบันประกอบด้วย
- พยัญชนะ 19 ตัว แบ่งเป็นพยัญชนะเดี่ยว 14 ตัว และพยัญชนะคู่ 5 คู่
- สระ 21 ตัว แบ่งเป็นสระเดี่ยว 10 ตัว และสระประสม 11 ตัว
แฮ่ๆๆครั้งนี้เอาไว้แค่นี้ก่อนนะคะ แล้วจะกลับมาโพสต์ใหม่ค่ะ ..

ประวัติอักษรเกาหลี

ประวัติอักษรเกาหลี
ชนชาติเกาหลีมีอักษรที่ใช้เป็นของตนเอง เรียกว่า “อักษรฮันกึล” ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นอักษรที่มีลักษณะพิเศษ ทั้งยังได้รับการยกย่องจากผู้เชี่ยวชาญด้านอักษรศาสตร์ว่าเป็นภาษาที่มีการประดิษฐ์ขึ้นมาอย่างมีหลักการและความสละสลวย
“อักษรฮันกึล” ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาเมื่อ ค.ศ 1443 ซึ่งอยู่ในรัชสมัยมหาจักรพรรดิเซจง (세종 대왕) กษัตริย์รัชกาลที่ 4 แห่งราชวงศ์โชซอน( ช่วง ค.ศ.1392-1910 )
ในการประกาศใช้อักษรเกาหลีเป็นครั้งแรกนั้นมีชื่อว่า “ฮุนมินจองอึม” (훈민정음)
ซึ่งมีความหมายว่า “การสอนวิธีออกเสียงที่ถูกต้องแก่ประชาชน” มหาจักรพรรดิเซจงผู้ประดิษฐ์อักษรฮันกึล ได้รับสมญานามว่า มหาจักรพรรดินักปกครองในประวัติศาสตร์ชาติเกาหลี นอกจากนี้แล้วพระองค์ยังได้รับสมญานามอีกนามหนึ่งว่า ยอดนักปราชญ์ผู้กระตือรือร้นและแก่กล้าวิชา
เมื่อพระองค์สละราชสมบัติแล้ว มหาจักรพรรดิเซจงผู้ซึ่งรักการอ่านและการฝึกสมาธิเป็นชีวิตจิตใจ และพระองค์ยังเป็นผู้มีความมุมานะ ยามที่พระองค์ประสบอุปสรรคใดๆก็ตาม พระองค์จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ถ้าหากคิดว่าสิ่งนั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วก็จะต่อสู้จนประสบความสำเร็จ ความรักใคร่เอาใจใส่ในความเป็นอยู่ของปวงพสกนิกรคือหลักการสำคัญในการปกครองของพระองค์ ประชาชนนสามารถร้องเรียนข้อเดือดร้อนต่างๆได้ มหาจักรพรรดิเซจงเป็นนักปกครองที่มีจิตเมตตา ความผาสุกของปวงชนคือ กฎหมายสำคัญที่นำมาใช้ในการปกรอง นอกจากนี้แล้วพระองค์ยังเป็นผู้ก่อตั้งสถาบันชีพยอนจอม(집현전) ซึ่งตั้งอยู่ในพระราชวังสถาบันแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ใช้ในการวิจัยทางด้านวิชาการ สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดมุ่งหมายหลักในการก่อตั้สถาบันแห่งนี้คือ การวิจัยคิดค้นอักษรฮันกึลนั่นเอง ตำราเรียนสำคัญๆของเกาหลีในยุคก่อนล้วนได้รับการตีพิมพ์จากสถาบันแห่งนี้ทั้งสิ้น
ในรัชสมัยมหาจักรพรรดิเซจง พระองค์มีความกังวลพระทัยเป็นอย่างมาก เนื่องจากประชาชนทั่วไปของพระองค์นั้น ไม่ได้รับการศึกษา และไม่มีความรู้ความเข้าใจในอักษรจีนที่ประเทศเกาหลีใช้เป็นภาษาเขียน นอกเหนือจากภาษาพูดที่มีเป็นของตัวเองแล้ว ดังนั้นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจในอักษรจีนก็มีแค่นักปราชญ์ที่ทำงานในราชสำนัก หรือไม่ก็เศรษฐีเท่านั้น พระองค์มีความวิตกเรื่องที่ประชาชนของพระองค์ไม่สามารถที่จะสื่อสารและแสดงความรู้สึกเป็นลายลักษณ์อักษรโดยถ่ายทอดออกมาผ่านอักษรจีนได้
นักปราชญ์เกาหลีส่วนใหญ่ใช้อักษรจีนในการเขียนบันทึกข้อความ และเขียนหนังสือต่างๆซึ่งเป็นอักษรของของชาติอื่น ทำให้ไม่สามารถที่จะเขียน และแสดงออกมาเป็นคำที่มีความหมายที่สื่อถึงความคิดและภาษาพูดที่เป็นความรู้สึกแบบเกาหลีได้อย่างชัดเจนนัก ประชาชนชาวเกาหลีนั้นไม่สามารถที่จะร้องเรียนความเดือดร้อนแก่บรรดาผู้ปกครองเป็นลายลักษณ์อักษรที่เขียนโดยอักษรจีนได้ นอกจากการใช้ภาษาพูดที่เป็นภาษาเกาหลีเท่านั้น รวมทั้งไม่มีวิธีการที่จะจดบันทึกความรู้ ความสามารถทางภูมิปัญญา และประสบการณ์อันมีค่าผ่านต่อไปยังชนรุ่นหลังได้
มหาจักรพรรดิเซจงรู้สึกเห็นใจประชาชนเป็นอย่างมาก และด้วยความเป็นนักปฏิวัติการปกครอง จึงอุทิศตัวเพื่อความเป็นเอกลักษณ์ของชาติเกาหลี โดยพระองค์ได้คิดค้นแนวทางแก้ปัญหาด้านการใช้ภาษา สิ่งที่พระองค์ตั้งใจจะทำคือ การประดิษฐ์อักษรที่มีเอกลักษณ์เป็นของชาติเกาหลีเอง รวมทั้งประชาชนเกาหลีสามารถเรียนรู้ เข้าใจได้เร็ว และใช้ง่าย ดังนั้น ฮุนมินจองอึม (훈민정음)จึงได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นมา ในการประกาศใช้เป็นครั้งแรกนั้นมหาจักรพรรดิเซจงได้ทรงตรัสไว้ว่า “อันเนื่องมาจากอักษรจีน เป็นอักษรที่ไม่สามารถใช้แทนคำบางคำของเกาหลีได้อย่างถูกต้องเท่าใดนัก ด้วยความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจประชาชนในการใช้อักษรจีนที่ค่อนข้างยากข้าพเจ้าได้ประดิษฐ์อักษรของชาวเกาหลีขึ้นมาใช้ ซึ่งมีทั้งหมด 28 ตัวอักษร เป็นตัวอักษรที่ใช้ได้ง่าย และด้วยความหวังอย่างแรงกล้าของข้าพเจ้าว่า อักษรเหล่านี้จะช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพวกท่านให้ดีขึ้น” ใจความของข้อความข้างต้นนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น และการอุทิศตัวเพื่อความเป็นเอกราช และความผาสุกของประชาชนชาวเกาหลีทั้งปวง
ดังนั้นตัวอักษรฮันกึลจึงเป็นอักษรที่ประสมพยัญชนะและสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นได้ชัดว่าเพียงนำตัวอักษรเกาหลี(ที่ใช้ในปัจจุบัน) อันประกอบด้วยพยัญชนะ 14 ตัว สระ 10 ตัว มาประสมกัน ก็สามารถสร้างเสียงและคำได้มากมาย
ภาษาเกาหลีมีการพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ และมีคำศัพท์มากมายทั้งที่เป็นภาษาเกาหลี และคำทับศัพท์ แต่เป็นการยากหากจะออกเสียงให้เหมือนกับภาษานั้นๆเลย เพราะด้วยจำนวนตัวอักษรที่มีจำกัด แต่ถึงกระนั้นภาษาเกาหลีก็เป็นภาษาที่เรียนรู้ได้ง่าย ด้วยจำนวนอักษรที่มีจำนวนน้อยนั้น แม้แต่เด็กและชาวต่างชาติก็ยังสามารถเรียนรู้ภาษาเกาหลีได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เหตุบังเอิญที่ชาวเกาหลีสามารถเรียนรู้หนังสือได้ตั้งแต่อายุ 2-3 ปี โดยสามารถเขียนความรู้สึกหรือความคิดถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือได้ และเมื่อเด็กๆเหล่านั้นมีอายุถึงเกณฑ์เข้าเรียนหนังสือ เด็กๆก็สามารถใช้ภาษาเกาหลีได้อย่างชำนาญ ซึ่งเป็นสิ่งพิเศษของเสียงที่เป็นเหมือนพลังธรรมชาติที่มีอยู่ในโลก
จากเนื้อหาข้างต้นนี้เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่าอักษรฮันกึลในภาษาเกาหลีนั้นสามารถเรียนรู้และเข้าใจได้ง่าย
มีการกล่าวตำหนิจากนักวิจารณ์ และนักปราชญ์ ที่ขัดแย้งกับเหล่านักปราชญ์ที่ประดิษฐ์อักษรฮันกึลร่วมกับมหาจักรพรรดิเซจง ถึงความง่ายเกินไปของอักษรฮันกึล นักปราชญ์บางคนต่อต้านอักษณที่ประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่อย่างรุนแรง และประณามว่าเป็น ภาษาปัญญาอ่อน (이침글)หรือ ภาษาไร้การศึกษา(암글)
ภาษาปัญญาอ่อน (이침글) หมายถึง ภาษาที่สามารถเรียนรู้ได้ภายใน 1 วัน สำหรับนักปราชญ์ที่ศึกษาอักษรจีนมา และไม่คู่ควรแก่การเรียนรู้
ภาษาไร้การศึกษา(암글)หมายถึง แม้แต่บรรดาผู้หญิงที่ไม่ได้รับการศึกษาก็สามารถเรียนรู้ได้อย่างง่ายดาย
การไม่มีพื้นฐานความรู้ในเรื่องตัวอักษรย่อมทำให้เกิดความสับสน เข้าใจผิด และเกิดความยากในการเรียนภาษา ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเรียนรู้ความรู้ที่สูงขึ้นไป ด้วยเหตุนี้มหาจักรพรรดิเซจงจึงมีความประสงค์ที่จะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ด้วยการประดิษฐ์อักษรฮันกึล อันเป็นรากเหง้าของวัฒนธรรมเกาหลี อีกทั้งยังช่วยดำรงไว้ซึ่งเอกราชความเป็นชาติเกาหลี
อีกทั้งคนที่ไร้ซึ่งการศึกษาจึงหมดไปจากเกาหลี และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ว่าอักษร ฮันกึล นั้นสามารถเรียนรู้ได้โดยง่าย ไม่ใช่เรื่องผิดปกติสำหรับชาวต่างชาติที่มีความรู้ทางด้านภาษาเกาหลี ซึ่งพวกเขาสามารถเรียนรู้อักษรฮันกึลได้อย่างเข้าใจภายในเวลา1-2ชั่วโมง นอกจากนี้แล้วเนื่องมาจากว่า หลักการที่ใช้ในการประดิษฐ์อักษรเกาหลีนั้นมีความเป็นวิทยาศาสตร์ จึงทำให้อักษรฮันกึล สามารถเรียนรู้ได้ง่ายด้วยความมีประสิทธิภาพของภาษาเกาหลีนั่นเอง

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

ทำไมต้องมี"บ้านแห่งแสงแดด 햇살집" ????

"ปัจจุบันประเทศเกาหลีเข้ามามีบทบาทอย่างมากมายในประเทศไทย"

...บางคนอาจจะเห็นด้วยกันฉัน แต่บางคนกลับถามออกมาว่าตรงไหน??

แต่ที่แน่ๆ คนที่เข้ามาถึงบ้านหลังนี้ได้ต้องเห็นด้วยกับข้อความข้างบนแน่นอน
เพราะอย่างน้อย...คำ หรือข้อความที่คุณกำลังเซิร์ชหานั้นก็เกี่ยวกับเกาหลีแน่นอนชิมิ^_^

บ้านหลังนี้เปิดขึ้นเพื่อคนที่สนใจความเป็นเกาหลีในทุกด้านเลย (ถึงแม้ว่าเจ้าของบ้านเองอาจจะไม่ได้รุ้จักBIGBANG หรือ WONDER GIRLS ลึกซึ้งเท่าไหร่) แต่ที่พอจะมีอยู่ซักหน่อย ก็คือ ด้านภาษา จึงจะเอาความรู้ด้านที่มีนี้มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และพูดคุยกัน

เรื่องภาษาเกาหลีที่จะเอามาสอน มาคุย มาแลกเปลี่ยนกันนั้น
อยากจะให้ทุกคนที่สนใจได้เข้ามาช่วยออกความเห็นว่า
อยากให้สอนหรือโพสต์แบบไหนดี


..เริ่มต้นตั้งแต่แรกเลย ทั้งพยัญชนะ สระ ตัวสะกด ไล่ไปเรื่อยๆตามลำดับ แถมคำศัพท์
..เอาแบบข้อความสำเร็จรูปมาเลย
..หรือ แบบต่างๆ

และหากมีเรื่องอื่นๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับเกาหลี ทุกคนก็สามารถนำมาพูดคุยแลกเปลี่ยนได้เลยอีกด้วย


ยังไงก็ลองเสนอความเห็นมาได้เลยนะคะ ด้วยความยินดี@_@

ทำไมต้องเป็น"บ้านแห่งแสงแดด 햇살집" ????

ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่..บ้านแห่งแสงแดด 햇살집..นะคะ

ทำไมต้องเป็น"บ้านแห่งแสงแดด 햇살집" ????

...คำว่า 햇살집 นั้นมาจากคำ 2 คำผสมกันค่ะ

คือคำว่า 햇살 ที่แปลว่า แสงแดด.......ซึ่งคำๆนี้เป็นชื่อภาษาเกาหลีของเจ้าของบ้านค่ะ
เป็นชื่อที่อาจารย์ชาวเกาหลีตั้งให้แก่นักศึกษาทุกคน
วิธีการตั้งชื่อของอาจารย์ก็คือ ให้นักศึกษาออกมาหน้าชั้นเรียน
แล้วก็หมุนตัวหนึ่งรอบ เพื่อประกอบการพิจารณาว่าจะชื่ออะไรดี
บางคนก็ได้ชื่อที่แปลออกมาเป็นภาษาไทยแล้วอาจจะแปลกซะหน่อย
เช่น ภูเขาหลังบ้าน คุณพระอาทิตย์ หรือแม้แต่นิ้วโป้ง ก็มีนะ
ส่วนสาเหตุที่อาจารย์ได้ตั้งชื่อนี้ให้แก่ฉัน
อาจจะเป็นเพราะ 이마(อีมา)* ของฉันที่มันค่อนข้างกว้างไปซักนิดสสสก็เป็นได้
มันแปลว่าอะไรนะหรอออ..ขอยังไม่บอกตอนนี้นะ อิอิ
และคำที่สองคือคำว่า 집 ที่แปลว่า บ้าน....คำง่ายๆ ที่ทุกคนมีเป็นของตัวเอง

เมื่อเอามารวมกันจึงเป็นที่มาของชื่อ blog นี้ไงคะ



헬로 테스트 테스트